Welcome to the world of Ulquiorra.

Welcome to the world of Ulquiorra.

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

Kuchiki Rukia (คุจิกิ ลูเคีย)

เมื่อต้องสู้กับรูปลักเดิมของอาจารย์

Kuchiki Rukia (คุจิกิ ลูเคีย)










 

Kuchiki Rukia (คุจิกิ ลูเคีย)

คุจิกิ ลูเคีย

ลักษณะ/อุปนิสัย

ยมทูตหญิงที่นิสัยค่อนข้างเฮี้ยว หน้าตาสวยน่ารัก ตัวเล็ก ไว้ผมสั้นสีดำ ชอบทำตาขวางและมักจะแสดงอารมณ์รุนแรงเวลาไม่ค่อยพอใจอะไร โผงผาง ปากเร็ว แต่แท้จริงก็เป็นคนดีมาก ขี้กังวล มีความรับผิดชอบมาก เป็นห่วงคนอื่นตลอดเวลา และอ่อนโยน (จะอ่อนโยนเป็นพิเศษต่อเมื่ออยู่กับ คุจิกิ เบียคุยะ) และก็ชอบกระต่ายจั๊ปปี้มากเช่นกัน ทำให้เธอชอบวาดรูปกระต่าย และเชื่อมั่นในฝีมือวาดภาพของตัวเองมาก แต่ความสามารถด้านศิลปะของเธอกลับพอๆกับเด็กประถม

ประวัติ

คุจิกิเป็นยมทูตหน่วย 13 แห่ง13หน่วยพิทักษ์ แต่เดิมเป็นเด็กสาวที่เติบโตจากเมืองลูคอนเขตที่78 ใช้ชีวิตเร่ร่อนไปวันๆ ต่อมาได้มาเจอกับ อาบาราอิ เร็นจิโดย บังเอิญ และได้เป็นเพื่อนสนิทกัน โดยที่ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในบ้านพักที่เด็กเร่ร่อนมักจะใช้เป็นที่พักพิง ตอนเด็กๆนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่มาดเหมือนผู้ชาย ต่อยตีเก่ง พลังวิญญาณสูง พูดจาห้าวๆด้วยเช่นกัน แต่กระนั้น กิริยาท่าทางของเธอก็แฝงความเป็นผู้ดีอยู่มาก เมื่อเพื่อนของพวกเขาเสียชีวิตไปถึงสามคน ลูเคียและ อาบาราอิ เร็นจิจึง ตัดสินใจเข้าเรียนที่สถาบันชินโอเพื่อสอบเข้าหน่วยพิทักษ์ แต่ยังไม่ทันเรียนจบก็ได้รับการติดต่อให้เข้าเป็นคนของตระกูลคุจิกิ ตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีคุจิกิ เบียคุยะ หัวหน้าหน่วย 6 เป็นเจ้าบ้าน โดยเธอเองก็ได้รับการบรรจุเข้า 13 หน่วยพิทักษ ์หน่วยที่ 13 ในทันที ในช่วงที่เธอเข้าในหน่วยพิทักษ์ เธอได้รับการชี้แนะจาก "ชิบะ ไคเอ็น"รอง หัวหน้าหน่วย 13 อยู่บ่อย แต่เมื่อไคเอ็นถูกฮอลโลว์เข้าสิง ทำให้เธอต้องฆ่าไคเอ็นด้วยมือของตัวเอง ซึ่งเป็นผลให้เธอรู้สึกผิดต่อคนตระกูลชิบะอยู่ตลอดมา

ดาบฟันวิญญาณ

  • ชื่อ: โซเดะโนะชิรายูกิ (Sode no Shirayuki  หิมะขาวในแขนเสื้อ )
  • คำปลดปล่อย : "จงร่ายรำ"
  • ลักษณะ : ตัวคมดาบจะมีสีขาวทั่วทั้งเล่ม ทั้งใบมีด ด้ามดาบ โกร่งดาบ และมีริบบิ้นยาวห้อยออกมาจากปลายด้ามดาบ ได้ชื่อว่าเป็นดาบฟันวิญญาณที่งดงามที่สุดในโซลโซไซตี้
  • ความสามารถ : เป็นดาบสายน้ำแข็ง มีรูปแบบของพลังอยู่ 3 แบบ
  • ระบำที่ 1 ซึคิชิโระ (จันทราสีขาว ) เป็นการใช้ดาบวาดขอบเขตวงกลมสีขาว ซึ่งจะแช่แข็งทุกสิ่งภายในขอบเขต จากพื้นจนถึงขอบฟ้าแม้จะไม่ได้เหยียบอยู่บนพื้นก็ตาม
  • ระบำที่ 2 ฮาคุเร็น (ระลอกขาว ) เป็นการยิงคลื่นพลังเป็นริ้วๆ 4 สาย และจะเปลี่ยนไปเป็นคลื่นน้ำแข็งเข้าโจมตี
  • ระบำที่ 3 ชิราฟุเนะ (ดาบสีขาว ) เป็นการสร้างคมดาบน้ำแข็งขึ้นจากดาบเข้าแทงศัตรู ซึ่งแม้ตัวดาบจะหักไปแล้วก็ยังสามารถใช้ท่านี้ได้
  • รูปร่างที่แท้จริง : เป็นผู้หญิงผมยาว ผิวสีขาวดังหิมะ สง่างามในชุดกิโมโน นับเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง

 

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

อิจิโกะ สู้กับ ฮอลโลว์ อิจิโกะ ด้านมืดของตัวเอง

อิจิโกะ สู้กับ ฮอลโลว์ อิจิโกะ ด้านมืดของตัวเอง

Ishida Uryū (อิชิดะ อุริว)

รูปของ อิชิดะ อุริว





Ishida Uryū (อิชิดะ อุริว)


ลักษณะ/อุปนิสัย

อุริว เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยร่าเริง ไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไหร่ แทบจะไม่มี(หรือไม่มี)ฉากที่ยิ้มเลย เป็นคนปากแข็งและขี้เก๊ก(อ.คุโบะยังบอกว่าเก๊กที่สุด) มาก ชอบพูดคำว่า "เรื่องของมึงสิไม่เกี่ยวกับกู" แต่ในการ์ตูนไม่มีบทนี้ ชอบกระดุม ชอบซิบ อาหารที่ชอบ ปลาชาบะต้มมิโสะ(ทำเองด้วยนะ)อยู่ชมรมการฝีมือ ถนัดตัดชุดผู้หญิง มากกว่าชุดผู้ชาย เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ

ประวัติ

อุริว เป็นควินซี่ที่มีพลังสูง แค่ยิงธนูออกไปดอกเดียว ก็ปราบฮอลโลว์ได้ในพริบตาเพราะปู่สอนไว้ จากนั้นปู่ หรืออิชิดะ โซเค็น ก็ได้สู้กับฮอลโลว์ยักษ์ 5 ตน อีกราว ๆ 2 ชั่วโมง ยมทูตก็มาถึงแต่โซเค็น ได้เสียชีวิตไปแล้ว ยมทูตจึงพาวิญญาณไปโซลโซไซตี้เพื่อทดลอง อุริวแค้นเคืองยมทูตมาก แล้วคิดเสมอว่า ถ้ายมทูตเชื่อใจควินซี่ และมาให้เร็วกว่านี้ โซเค็นก็คงไม่ตาย ภายหลังเสียพลังควินซี่เพราะถอดถุงมือออกขณะสู้กับมายูริ(คุโรซึจิ มายูริ ) แต่ก็ได้ ริวเค็น ผู้เป็นพ่อของตนฟื้นพลังควินซี่ให้ โดยมีเงื่อนไขคือห้ามยุ่งกับยมทูตเด็ดขาด แล้วพออุริวได้พลังก็หนีพ่อไปช่วยพวกอิจิโกะปราบอารันคาร์ในที่สุด จริงๆแล้ว เกิดวันที่ 6 พฤษจิกายน ไม่ใช่ 15 กรกฎาคม

อิจิโกะ vs กิมจอร์

การต่อสู้ระหว่างอิจิโกะ กับ กริมจอ

Grimjaw Jackerjack (กริมจอว์ แจ๊คเกอร์แจ๊ค)




กริมจอ ตอน ปลดปล่อยดาบ

Grimjaw Jackerjack (กริมจอว์ แจ๊คเกอร์แจ๊ค)

 

ลักษณะ/อุปนิสัย

กริมจอว์ เป็นคนนิสัยหัวรุนแรง ไม่ฟังใคร บ้าระห่ำ ชอบใช้อารมณ์ตัวเองตัดสิน ชอบการต่อสู้

ประวัติ

เมื่อก่อนกริมจอว์เป็นแอดจูคาสก้ได้พบกับเชาหลง,อิลฟอร์ท,เลโอนอส,นาคีม,ดี รอย ด้วยความสามารถทำให้กริมจอว์กลายเป็นหัวหน้าของกลุ่ม
จนกริมจอว์ได้กลายเป็นเอสปาด้า ซึ่งถึงแม้กริมจอว์จะเป็นเอสปาด้า แต่ว่าระดับฮอลโล่ว์ของกริมจอว์ยังอยู่ในระดับสองคือระดับแอดจูคาส เช่นเดียวกับอาโรนีโร่ (หมายเลข 9) ซึ่งอยู่ในชั้นกิลเลี่ยน

ความสามารถพิเศษ

กริมจอว์มีความสามารถพิเศษ คือ การปล่อยกรังเรย์ซีโร่กับซีโร่ได้ เวลาปลดปล่อยดาบตัวเองจะมีพลังและความว่องไวเพิ่มมากขึ้น

ดาบฟันวิญญาน

  • ชื่อ : แพนเทร่า(ราชันแห่งสิงห์)
  • คำปลดปล่อย : จงเสียดเสียง
ความสามารถทำให้กริมจอว์ไวขึ้นกว่าเดิมและมีความสามารถปลดกระสุนออกมาได้ถึง10ลูกเลยทีเดียวแล้วยังมีท่าเดธกาลอน(กรงเล็บราชันหมาป่า)
อิจิโกะสู้กับกิมจอ ที่ ฮูเอโก้มุนโด้ เพื่อไปช่วยอินุอุเอะ

Kuchiki Byakuya (คุจิกิ เบียคุยะ)

เบียคุยะ สู้กับ อิจิโกะ ตอนไปช่วย ลูเคีย


MV Bleach ตอนสู้กับ เบียคุยะ - ดูคลิปทั้งหมด คลิกที่นี่

Kuchiki Byakuya (คุจิกิ เบียคุยะ)





Kuchiki Byakuya (คุจิกิ เบียคุยะ)

ลักษณะ/อุปนิสัย

กฏเกณฑที่สถิตอยู่ในแววตา
เบียคุยะ เป็นชายร่างสูง สง่างาม ที่หัวมีปิ่นปักผมของขุนนางชั้นสูง เขาเป็นคนเงียบครึม มักจะไม่ค่อยพูด เคร่งครัดในกฏระเบียบ ไม่ชอบแสดงความรู้สึกทางสีหน้า และที่สำคัญคือมักจะเย็นชากับคนรอบข้างเสมอ จนบางคนออกปากเรียกเขาว่า"เจ้าชายน้ำแข็ง" แต่แท้จริงแล้วเขาเองก็ถือได้ว่าเป็นคนที่รักษาสัจจะอย่างแท้จริงคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่มักจะจริงจังต่อการทำงานในหน้าที่และยึดทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎ ที่มีอยู่ ตอนเด็กๆนั้นคนละเรื่อง เพราะกำลังเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงสดใส ชอบการฝึกดาบอยู่ที่คฤหาสน์คุจิกิ และชอบทะเลาะกับโยรุอิจิซึ่งตอนนั้นเป็นหัวหน้าหน่วย2เพราะเธอชอบแย่งเชือก มัดผมของเบียคุยะจากนั้นก็ใช้ก้าวพริบตาหนีหายไป

ประวัติ

คุจิกิ เบียคุยะ เป็นหัวหน้าตระกูล "คุจิกิ" 1 ใน 4 ตระกูลขุนนางชั้นสูงสุด และว่ากันว่าเบียคุยะนั้นมีฝีมือเก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ตระกูลคุจิกิ อันยาวนาน เขาเป็นพี่ชายบุญธรรมลูเคีย และเป็นหัวหน้าหน่วย 6 ของ "13 หน่วยพิทักษ์" ซึ่งเขาได้รับลูเคียมาเป็นน้องสาวบุญธรรม เนื่องจากคำสัญญาของเขากับ "ฮิซานะ" ซึ่งเป็นพี่สาวที่แท้จริงของลูเคียและเป็นภรรยาของเขาซึ่งขอให้น้องสาวของตน เรียกเบียคุยะว่าพี่(สรุปง่ายๆก็คือลูเคียเป็นน้องสะใภ้ของเบียคุยะ) ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาต้องแหกกฎของตระกูล เขาจึงสาบานต่อหน้าสุสานของพ่อแม่ว่าจะไม่ทำผิดกฎอีกเป็นครั้งที่สอง และปิดเรื่องนี้เป็นความลับตลอดมา ภายหลังเข้าร่วมมือกับว่องโกเล่ (เขาได้หมั้นกับคากาวะ ตอนที่เขายังเด็กๆอยู่ และต้องแต่งงานกับคากาวะเพื่อกู้หน้ากู้ชื่อเสียง ของตระกูลขึ้นมาเพราะเขาไปแต่งงานกับคนที่อยู่ที่ไหนไม่รู้ อย่างฮิซานะและรับใครก็ไม่รู้อย่างลูเคีย มาเป็นน้องสาวบุญธรรม ซึ่งทำให้คุจิกิเสื่อมเสียลงมาก จึงต้องให้คนใดคนหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางใหญ่ระดับสูง มาแต่งงานด้วย แต่ทว่าคากาวะกลับหายสาบสูญอย่างสิ้นเชิง) 

ดาบฟันวิญญาณ

ขั้นต้น (ชิไค)

  • ชื่อ : เซ็นบงซากุระ ( Senbonzakura ซากุระพันกลีบ )
  • คำปลดปล่อย : "จงโปรยปราย" 
  • ลักษณะ : เป็นดาบเหมือนเดิม
  • รูปร่างที่แท้จริง : เป็นผู้ชายร่างสูง ใส่ชุดญี่ปุ่นโบราณ นิสัยเยือกเย็น เงียบขรึม ใส่หน้ากากรูปยักษ์ มีนิสัยเสียคือ ชอบหลอกใช้และโยนความผิดให้คนอื่น ใจร้อน ความอดทนต่ำเหมือนนิสัยของ คุจิกิ เบียคุยะ ตอนเด็ก (อาจจะเป็นเพราะดาบฟันวิญญาณแสดงตัวตนของเจ้าของดังที่ เคียวราคุ กล่าวไว้)
  • ความสามารถ : ตัวคมดาบจะกลายสภาพเป็นกลีบเล็กๆจำนวนนับพันกระจายออกคล้ายกลีบดอกซากุระ ซึ่งจะพุ่งเข้าเฉือนร่างของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วและรุนแรง และสามารถใช้ในการตั้งรับได้อีกด้วย สามารถกันได้ทุกอย่าง และใช้ตัดผม

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ (บังไค)

  • ชื่อ : เซ็มบงซากุระคาเงโยชิ (เงาหาญซากุระพันกลีบ )
  • ลักษณะ : เป็นดาบเหมือนเดิม
  • ความสามารถ : ซึ่งตัวคมดาบทั้งหมดจะแตกออกเป็นกลีบซากุระจำนวนนับไม่ถ้วน และจะเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงมากราวกับพายุ และถ้าใช้วิธีควบคุมด้วยมือ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น3เท่า
  • รูปแบบที่ 1 เซ็มบงซากุระคาเงโยชิ (เงาหาญซากุระพันกลีบ) เบียคุยะจะปล่อยดาบจมลงดิน และผุดขึ้นมาเป็นคมดาบยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วยเรียงเป็นแถวยาวจนลับสายตา ซึ่งตัวคมดาบทั้งหมดจะแตกออกเป็นกลีบซากุระจำนวนนับไม่ถ้วน และจะเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงมากราวกับพายุ และถ้าใช้วิธีควบคุมด้วยมือ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น2เท่า
  • รูปแบบที่ 2 เซ็นเคย์ (เงาพิฆาต) ตัวกลีบคมดาบจะรวมกันกลายเป็นดาบเล็กๆนับร้อยล้อมรอบสถานที่ต่อสู้ ซึ่งเบียคุยะสามารถควบคุมให้ดาบพุ่งเข้ามาหาตัวเองหรือคู่ต่อสู้ได้ตามต้อง การ เป็นการโจมตีที่จะปิดช่องทางหนีของศัตรู และจะเน้นการโจมตีเพียงอย่างเดียว
  • รูปแบบที่ 3 ชูเคย์ (เงาสุดท้าย) ฮาคุเทย์เค็น (ดาบจักรพรรดิขาว ) = กลีบคมดาบทั้งหมดจะมารวมกันเป็นดาบเดียว ซึ่งจะมีสีขาวส่องประกาย และจะมีแสงเป็นรูปปีกแตกออกสองข้าง เป็นการโจมตีขั้นสุดท้ายของเซ้มบงซากุระคาเงโยชิ
  • รูปแบบที่ 4 โกเคย์ (วงล้อมพิฆาต) กลีบเซ็มบงซากุระจะล้อมรอบศัตรูและจะโจมตีพร้อมกันและไม่เคยมีใครรอด (ยกเว้นอิจิโกะแต่ก็เกือบตาย) ปรากฏอีกครั้งเมื่อเริ่มการต่อสู้กับเอสปาดาหมายเลย 7 โซมารี เลอรูส์

 

 


 

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

คุโรซากิ อิจิโกะ (Kurosaki Ichigo)










คุโรซากิ อิจิโกะ (Kurosaki Ichigo)

 ลักษณะ/อุปนิสัย
   คุโรซากิ อิจิโกะภายนอกจะดูเหมือนพวกอันธพาลทั่วๆไป หากแต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาเป็นคนที่ใจดีและอ่อนโยนลึกๆ แม้จะดูแข็งกร้าวในหลายๆครั้ง แต่ในความเป็นจริงเขาก็เป็นคนดีมากคนหนึ่ง และสาเหตุก็อาจจะมาจากแผลใจในอดีต ทำให้เป็นคนที่ชอบอมทุกข์ไว้คนเดียวบ่อยๆ และก็ยังมีทักษะในการวิวาทที่ยอดเยี่ยมซะด้วย (ด้วยการฝึกกับพ่อทุกวัน) ลักษณะภายนอกที่เด่นๆก็คือ ผมสีส้มซึ่งเป็นสีเดิมแท้ๆ ไม่มีย้อม (มีการคาดเดาว่าได้มาจากทางฝ่ายแม่)

าบฟันวิญญาณ
ขั้นต้น (ชิไค)
ชื่อ : ซันเงสึ ลักษณะ : ตัวดาบจะเป็นรูปแบบของมีดขนาดใหญ่ที่หล่อเป็นโลหะทั้งเล่ม (คล้ายมีดอีโต้) และมีผ้าพันอยู่ที่ด้ามดาบและตัวดาบยามไม่ใช้ ความสามารถ : เมื่อฟันออกไป ตัวดาบจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณของผู้ใช้และเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังทำลายสี น้ำเงินที่มีพลังมหาศาลได้ เรียกว่า "เกทซึกะ เทนโช"

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ (บังไค)ชื่อ : เท็นซะ ซันเก็ทสึ ลักษณะ : ตัวดาบจะเปลี่ยนเป็นทรงคาตานะ มีตัวดาบสีดำทั้งเล่ม กระบังดาบเป็นรูปสวัสดิกะ และที่ด้ามดาบมีโซ่ห้อยออกมา รวมทั้งเสื้อของอิจิโกะจะเปลี่ยนไปกิโมโนสีดำชายยาว คล้ายชุดของ ซันเงสึ ความสามารถ : เป็นดาบที่จะเพิ่มความเร็วและพลังของอิจิโกะให้เพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าจนถึง ขนาดแยกเป็นเงาได้หลายร่าง และยังใช้พลังของ "เกทซึกะ เทนโช" ได้เช่นขั้นต้น แต่คลื่นพลังจะเป็นสีดำ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการโจมตีของฮอลโลว์ภายในร่างของอิจิโกะ


วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

Ulquiorra Schiffer (อุลคิโอร่า ชิฟเฟอร์)



Ulquiorra Schiffer

อุลคิโอร่า ชิฟเฟอร์ (Ulquiorra Schiffer)


อุลคิโอร่า ชิฟเฟอร์  อารันคาร์ No.4

อุปนิสัย อุ ลคิโอร่าเป็นคนอารมณ์สุขุมเยือกเย็นถึงเลือดเย็น และจะพูดเมื่อจำเป็น เมื่อพูดแล้วจะชอบใช้คำพูดที่คมคาย เวลาถูกใจเหยื่อคนไหน จะเจาะรูไว้ตรงตำแหน่งเดียวกับของตน และมักจะประมาณค่าของเหยื่อว่าคู่ควรกับตนหรือไม่ มักจะไม่ชอบทำร้ายพวกเดียวกัน และจะใช้ความรุนแรงถ้าจำเป็น ไม่ชอบหาเรื่องชกต่อยกับผู้ จงรักภักดีกับไอเซ็น อุลคิโอร่า จะมีความคิดในการต่อสู้ที่แตกต่างจากคนอื่น โดยจะลงมือสู้เมื่อจำเป็นและเห็นว่ามีค่าคู่ควรที่จะสู้กับตน ทำให้อุลคิโอร่าดูเป็นคนที่ค่อนข้างหยิ่งทะนง ในเรื่องเขาจะดูเหมือนทำให้โอริฮิเมะ เข้าใจว่า ตนมีความเห็นใจ

ความสามารถพิเศษ

อุ ลคิโอร่าสามารถรับพลังต่าง ๆ และสะท้อนพลังของคู่ต่อสู้ ได้โดยการใช้มือข้างเดียวหรือสองข้างรับเอาไว้ ซึ่งเคยรับท่า "เก็ทสึงะ เท็นโช" ของอิจิโกะมาแล้ว และรับซีโร่ของกริมจอว์ โดยสะท้อนพลังกลับ ทำให้แขนของกริมจอว์บาดเจ็บ
ดวงตาของอุลคิโอร่าสามารถบันทึกสิ่งที่ เห็นและเมื่อควักออกมาขยี้ก็ สามารถให้ผู้อื่นเห็นได้ด้วย ในเรื่อง อุลคิโอร่า ยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังดาบ และยังไม่ได้ใช้พลังสู้อย่างจริงจัง แต่เรื่องการต่อสู้ อุลคิโอร่า จะโจมตีแบบรุนแรงไม่ทันให้คู่ต่อสู้ตั้งตัวได้ทัน(อ้างอิงจากตอนที่วิ่งตาม มาเตะอิจิโกะ ตอนที่อิจิโกะ พาเนล วิ่งหนี และตอนล่าสุดที่ ดาบยังแทงปักที่อกอิจิโกะอยู่แต่ก็ใช้นิ้วยิงซีโร่ใส่อิจิโกะเข้าไปซ้ำอีก) อูลคิโอร่ายัง ค่อนข้างใช้ ท่าโซนีด ได้อย่างคล่องแคล่ว อุลคิโอร่าสามารถฟื้นฟูร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่มีเพียงสมองและอวัยวะภายในเท่านั้นที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้(สังเกตได้จาก ตอนขยี้ลูกตาแล้วสามารถงอกออกมาใหม่ได้)

 ดาบฟันวิญญาน

มูร์เซียร์เอลาโก้(Murciélago)(ภาษาสเปน แปลว่า ค้างคาว),พญามารปีกดำ,เป็นการปลดปล่อยขั้นที่1)
  • คำปลดปล่อย: ---จงปิดกั้น---
  • ลักษณะ รูปร่างเหมือนพญามารที่มีปีกดำ
  • ความสามารถ: ภายในตัวดาบมีพลังอันแน่นของอุลคิโอร่าอยู่ซึ่งเป็นดาบที่มีพลังและขอบเขตใน การสังหาร ที่เป็นวงกว้างและต่อเนื่อง ทันทีที่อุลคิโอร่ามองไปที่ปลายของดาบ ทำให้มีพลังทำลายล้างของเอสปาด้าที่มีเพียงผู้เดียวที่เก็บพลังอันนี้ไว้ได้ นานนับตั้งแต่การก่อกำเนิดเอสปาด้าขึ้นมา พลังอันลึกลับนี้ ทำลายแม้กระทั่งผู้บัญชาการตัวเองและคนใกล้ตัวคนอื่น ๆ ในตอนหลัง ๆ นี้อุลคิโอร่า ปลดปล่อยพลังภายในที่ผสมผสานกันมาระยะเวลานาน เป็นพลังแห่งวิญญาณที่ออกมาจากหลุมภายใต้อกของอุลคิโอร่าซึ่งพลังนี้เรียก ว่า
"โคไรมินไค" ซึ่งเป็นพลังปลดปล่อยขั้นที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงเอสปาด้าคนเดียวที่ทำได้และเป็นตัวละครตัวเดียวที่ปลดปล่อยขั้นนี้ได้ในตอนจบ
การปลดปล่อยขั้นที่2(รีเซอร์เร็คชั่น เซกุนด้า เอตาป้า) อุลคิโอร่าป็นเอสปาด้าและอารันคาร์ตนเดียวที่สามารถปลดปล่อยดาบฟันวิญณาญ ได้2ขั้น(ไอเซ็นก็ยังไม่เคยเห็น)


การปลดปล่อยขั้นที่ 1
ชื่อดาบ : มูเซียร์เอลาโก้(Murciélago,เทพมารปีกดำ,黒翼大魔
คำปลดปล่อย : จงพันธนาการ
ลักษณะ :
รูป ร่างนั้นยังคงลักษณะเดิมของอุลคิโอร่า ซีเฟอร์ เอสปาด้าลำดับ 4 คนเดิมไว้ แต่ชุดที่สวมอยู่เปลี่ยนจากเสื้อแขนยาวกับกางเกงฮากามะสีขาวไปเป็นเสื้อคลุม สีขาวยาวกรอมเท้าลักษณะคล้ายเสื้อคลุมบาทหลวง เศษหน้ากากที่คล้ายหมวกเกราะคลุมศีรษะที่แตกครึ่ง เปลี่ยนไปเป็นหมวกเกราะแบบมีเขางอกยาวกางออกไปสองข้างศีรษะ บนแผ่นหลังมีปีกค้างคาวสีดำขนาดยักษ์งอกออกมา ความยาวของปีกแต่ละข้างคะเนด้วยตาแล้วคงไม่ต่ำกว่า 5 หรือ 6 เมตร
ความ สามารถ : รวดเร็วจนสายตามองตามไม่ทัน รวดเร็วจนประสาทหูไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมตัดผ่านปีก และมีหอก(ดาบ2ด้านดีกว่า)ออกมาแทนดาบผ่าวิยญาณจะเปงเหมือนดาบแสง เอาไว้ใช้เป็นอาวุธ
ความ สามารถ1 : "ซีโร่ ออสคิวรัส" (ลำแสงฮอลโลว์นิลกาฬ) จะเป็นการยิงซีโร่สีดำขนาดมหึมาใส่ศัตรู(คาดว่าแรงประมาณติดหน้ากากอิจิโกะ เก้ทสึงะเท็นโช)

การปลดปล่อยขั้นที่ 2 (ไอเซ็นก็ยังไม่เคยเห็น)
"ร่างแห่งความสิ้นหวัง"
ลักษณะ : อุลจะแปลงร่างเป็นอสูรมีเขางอกแทนหน้ากากที่อยุบนหัว(คล้าย เดวิลจิน ในเท็กเค้น)มีหางเป้นลูกศรเหมือนปีศาจ
ความสามารถ :ใช้มือเปล่าในการต่อสู้
ความ สามารถ 1 : "ซีโร่ ออสคิวรัส" (ลำแสงฮอลโลว์นิลกาฬ) จะเป็นการยิงซีโร่สีดำขนาดมหึมาใส่ศัตรู(คาดว่าแรงประมาณติดหน้ากากอิจิโกะ เกทสึงะเท็นโช) (เหมือนเดิม-0-) แต่ร้ายแรงกว่าเดิมความสามารถ 2 : "ลันซ่า เดล เรแลมปาโก้ (แหลนอัสนีบาต)" จะเป็นการใช้หอกของอุลคิโอร่า เขวี้ยงไปใส่ศัตรูแม้แต่อุลคิโอร่ายังบอกว่ามันควบคุมได้ยากแต่มีอานุภาพ ร้ายแรง

 

 

การปรากฎตัวครั้งแรกของ อุลคิโอร่า ชิฟเฟอร์



รูปวาดอิอิ

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

Ulquiorra Schiffer Vs Ichigo Vizard

(การพบหน้าครั้งที่สอง..คุโรซากิ อิจิโกะ Vs อุลคิโอร่า ชิฟเฟอร์) 
คุโรซากิ อิจิโกะ และเพื่อนๆตามไปช่วย อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ ที่ถูก อุลคิโอร่า ชิฟเฟอร์ จับตัวไป อิจิโกะจิงตามไปที่ ฮูเอโก้มุนโด้ แล้วพบจับ อุลคิโอร่าสุดเท่ ที่ขวางทางอยู่การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้อิจิโกะถูกอุลคิโอร่าฆ่าตายครั้งแรก(ถ้ามันไม่ใช่พระเอกมันไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก)..

Ulquiorra Vs Ichigo Full Final Battle

(การพบหน้าครั้งที่สาม..คุโรซากิ อิจิโกะ Vs อุลคิโอร่า ชิฟเฟอร์)
หลังจากที่โดนอุลคิโอร่าฆ่าตาย อิจิโกะได้ถูกอิโนะอุเอะชุบชีวิตขึ้นมาแล้วได้สู้กับกิมจอ 
แล้วเมื่ออิจิโกะไปถึงปราสาทก็ได้พบกับอุลคิโอร่าอีกครั้ง 
เมื่ออุลคิโอร่าปลดปล่อยพลังขั้นที่ 2 (ซึ่งเป็นเพียงเอสปาด้าคนเดียวที่ทำได้) 
อิจิโกะก็ถูกฆ่าตายรอบที่ 2 แต่เนื่องด้วยมันเป็นพระเอกอิจิโกะจึงได้พื้นขึ้นมา
เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากอิโนะอุเอะ แล้วได้พลังใหม่ในร่างฮอลโล่ เมื่อสู้กับอุลคิโอร่า
ทำให้อุลคิโอร่าศูนย์เสียพลังอย่างมากจนไม่อาจฟื้นตัวได้แล้วร่างกายของเขาก็สลายไป..